“โรนัลโด” ลั่น พร้อมประกาศแขวนสตั๊ด 100 เปอร์เซ็นต์ แม้มี 1 เรื่องใหญ่เกิดขึ้น
วันที่ 18 พฤศจิกายน 65 คริสเตียโน โรนัลโด แนวรุกของ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศชัด พร้อมแขวนสตั๊ดแน่ๆ ถ้าตนเองสามารถพา ทีมชาติโปรตุเกส คว้าแชมป์บอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ได้สำเร็จ
เมื่อถูก เพียร์ซ มอร์แกน ถามคำถามว่าจะเลิกเล่นบอลไหม ถ้า โปรตุเกส คว้าแชมป์บอลโลก โรนัลโด ตอบว่า “ใช่ เลิกเล่นแน่ๆ 100 เปอร์เซ็นต์”
“ผมมองโลกในแง่ดีว่าเรามีโค้ชที่ยอดเยี่ยม และ เรามีนักเตะช่วงรุ่นอายุของนักเตะที่ดี ผมตั้งตารอว่าเราจะไปให้ถึง มันจะเป็นเรื่องยาก แต่ทุกอย่างเป็นไปได้ แน่นอนว่าเราพร้อมที่จะชิงชัย”
สำหรับ ทีมชาติโปรตุเกส ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องเมื่อคืนนี้วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ไล่ถล่มเอาชนะ ไนจีเรีย ไป 4-0 โดยที่ไม่มี โรนัลโด ลงสนามเพราะเหตุว่าป่วย
โรนัลโด ชื่นชม “เมสซี่” เปรยบางทีอาจแขวนสตั๊ดถ้าพา “โปรตุเกส” คว้าแชมป์โลก
บทสัมภาษณ์พาร์ทสองที่น่าดึงดูด คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีการเอ๋ยถึงคู่แข่งตลอดกาล อย่าง ลิโอเนล เมสซี ที่ต่อสู้กันมาตลอดในเรื่องของความสำเร็จ กับความยิ่งใหญ่ ใน ยุคปัจจุบัน โดยเจ้าตัวกล่าวชื่นชมซูเปอร์สตาร์ชาวอาร์เจนไตน์เป็นเพื่อนร่วมสังเวียน และ คู่แข่งที่ยอดเยี่ยม ยิ่งกว่านั้นยังเปรยว่าถ้าเขาพา โปรตุเกส ได้แชมป์โลก บางทีอาจตัดสินใจแขวนสตั๊ดทันที
เจ้าของ สมญานามซีอาร์เซเว่น เอ๋ยถึง ลิโอเนล เมสซี ว่า “เขา (เมสซี) เป็นนักเตะที่น่าทึ่งมากๆ เขาเหมือนเป็นนักมายากลที่เก่งกาจ เรามีช่วงเวลาในสนามร่วมกันมาอย่างยาวนาน 16 ปีเต็ม ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่เป็นไปในทิศทางที่ดี” โรนัลโด้ เริ่มกล่าวถึง เมสซี
“ถึงเราอาจจะไม่ใช่เพื่อนซี้ หรือเพื่อนที่อยู่ระแวกบ้านใกล้ๆกัน หรือ คอยโทรหากันอะไรแบบนั้น แต่เขาก็เป็นเหมือนเพื่อนร่วมทีมของผมเลย”
“เขาเป็นบุคคลที่ผมให้ความเคารพตลอดเวลาที่ได้ยินเขาพูดถึงผม เรียกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งที่ทำสิ่งมหัศจรรย์ในโลกของฟุตบอลก็แล้วกัน” หัวหอกชาวโปรตุกีส ทิ้งท้าย
ยิ่งกว่านั้นเจ้าตัวยังออกมาเปรยว่าถ้าสามารถพาทีมชาติโปรตุเกส คว้าแชมป์โลกมาครอบครองได้ เขาบางทีอาจตกลงใจแขวนสตั๊ดทันที “ผมเชื่อว่าตอนนี้ตัวเองยังสามารถยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง สามารถช่วยทีมได้ ผมยังมีดีพอที่จะช่วยทีมชาติ และ สโมสรของผม แต่แน่นอนผมมักจะเจอกับคำวิจารณ์เรื่องอายุที่ตอนนี้ 37 ปีแล้ว จริงๆผมอยากจะขอให้ไปดูเพื่อนร่วมรุ่นของผมในบรรดาคนที่รุ่นเดียวกันยังมีคนที่รักษาสภาพร่างกาย และ ยืนระยะได้เหมือนผมไหม”
“ผมคิดว่าโปรตุเกสตอนนี้มีเฮดโค้ชที่ยอดเยี่ยม มีผู้เล่นดาวรุ่งที่ฝีเท้าดี ผมตั้งตารอที่จะได้ลงเล่นในฟุตบอลโลกอีกครั้ง ผมพร้อมจะรีไทร์ทันทีหากพาโปรตุเกสคว้าแชมป์โลกได้ในครั้งนี้”
“ใจจริงผมอยากเล่นอีก 2-3 ปี อยากเลิกเล่นตอนอายุ 40 ผมคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดี แต่ผมก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ทุกๆแผนการย่อมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เราไม่มีทางรู้จนกว่ามันจะเกิดขึ้น”
ช่วงเวลาเดียวกันดาวยิงวัย 37 ปี ยังสารภาพว่าการออกมาให้สัมภาษณ์อะไรแบบนี้อาจจะส่งผลให้เหตุการณ์ระหว่างเขากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องสั่นคลอน แต่ขอมุ่งสมาธิไปที่ ฟุตบอลโลก 2022 เสียก่อนและก็หลังจากนั้นจึงค่อยว่ากัน
“ผมอยากจะมุ่งสมาธิไปที่ฟุตบอลโลก ไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างหลังจบฟุตบอลโลก แต่อย่างที่ผมได้พูดไปแฟนๆคือสิ่งที่อยู่ในใจของผมเสมอ และ ผมก็หวังว่าเขาจะอยู่เคียงข้างผมไม่ว่าผมจะได้กลับไปอยู่กับทีมหรือไม่” ยอดดาวยิงชาวโปรตุกีส ทิ้งท้าย
โรนัลโด้ วืดเล่นบอลโลก!โค้ช โปรตุเกส ลั่นเป็นไปได้
โรนัลโด้ มีชื่อติดทีมชาติ โปรตุเกส ชุดทำศึก ฟุตบอลโลก ซึ่งจะเป็นครั้งที่ห้าแล้วสำหรับศูนย์หน้าทีม แมนฯ ยูไนเต็ด และ น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของเขาด้วยเหมือนกันเมื่อพินิจพิเคราะห์จากอายุที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
กระนั้นก็ดีแล้ว จากลักษณะของการป่วยท้องเสียกระทั่งทำให้พลาดฝึกซ้อม และ ชวดลงเล่นเกมอุ่นเกือกกับ ไนจีเรีย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายนยังเป็นที่เช้าใจกันว่าหัวหอกวัย 37 ปีจะฟิตร่างกายลงเล่นเกมแรกกับ กาน่า ในวันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายนได้อย่างไม่คือปัญหา
แต่กรณีของ ซีอาร์เซเว่น ซานโต้ส ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่าไม่มีความสำคัญที่เขาควรต้องส่ง โรนัลโด้ ลงสนามเพราะว่าไม่มีผู้ใดควบคุมตัดสินใจเลือกทีมของเขาได้โดยเขาจะพินิจพิเคราะห์จากฟอร์มการเล่นเป็นหลักซึ่งฤดูกาลนี้ ดาวเตะ ผีแดง มีผลงานที่ตกลงไปโดยยิงได้เพียงแค่สามประตูในทุกรายการ
“ผมจะถูกบังคับหรือเปล่า? ไม่มีใครบังคับผมให้ทำอะไรทั้งนั้น” ซานโต้ส เผยถึงข้อถามที่มีต่อดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของชาติ 117 ประตู
“มันเป็นคำถามที่คุณสามารถถามได้ แต่มันขึ้นอยู่กับว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สมควรได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงหรือเปล่า?”
“มันเป็นกฏเกณฑ์สำหรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ นักเตะทุกคนในทีมชาติ โปรตุเกส”
“หากเฮดโค้ชถูกบังคับให้ส่งใครลงเล่นเป็น 11 คนแรก มันก็ไม่ใช่เรื่องแล้ว”