นักวิจัยค้นพบว่ามลพิษทางอากาศนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งปอดได้อย่างไร ซึ่งถือเป็นการค้นพบที่เปลี่ยนความเข้าใจถึงการเกิดขึ้นของเนื้องอก โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่เคยแม้แต่จะสูบบุหรี่เลย
นักวิจัยค้นพบว่ามลภาวะทางอากาศนำไปสู่การเกิดโรค มะเร็งปอด ได้เช่นไร ซึ่งถือว่าเป็นการค้นพบที่เปลี่ยนแปลงความเข้าใจถึงการเกิดขึ้นของเนื้องอก โดยเฉพาะในคนที่ไม่เคยแม้แต่จะดูดบุหรี่เลย
เมื่อเดือน กันยายน ทีมงานนักวิจัยสถาบันฟรานซิส คริก ในกรุงลอนดอน ระบุว่า มลภาวะทางอากาศนำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอดได้จริง แม้ในคนที่ไม่ดูดบุหรี่ ด้วยการกระตุ้นหรือปลุกเซลล์เก่าๆที่เสียหายขึ้นมา มากกว่าการผลิตความทรุดโทรมให้เซลล์ ตามความเชื่อเดิม
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติหมายถึงศ.จ. ชาร์ลส์ สแวนตัน ระบุว่า การค้นพบดังที่ได้กล่าวมาแล้วทำให้วงการแพทย์ “เข้าสู่ยุคสมัยใหม่” แล้วก็อาจนำไปสู่การพัฒนาตัวยา เพื่อยับยั้งโรคมะเร็งไม่ให้ก่อตัวขึ้น
โดยธรรมดาแล้ว การก่อตัวของโรคมะเร็งจะกำเนิดเป็นลำดับขั้นตอนหมายถึงเริ่มจากเซลล์ที่แข็งแรง แล้วค่อยๆเกิดการกลายพันธุ์ในระดับสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ จนกระทั่งจุดที่กลายเป็นเซลล์แตกต่างจากปกติ สู่เซลล์มะเร็ง แล้วก็เติบโตอย่างควบคุมไม่ได้
แต่แนวความคิดการเกิดโรคมะเร็งแบบนี้ มีปัญหา เนื่องจากการกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็งได้เกิดขึ้นในเนื้อเยื่อที่แข็งแรง แต่กลับกลายเป็นว่าตัวการของโรคมะเร็ง รวมทั้งมลภาวะทางอากาศ ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อดีเอ็นเอ แต่ว่าเป็นการกระตุ้นเซลล์ที่เสียหายให้กลับมาทำงานอีกทีมากกว่า
ศ.จ. สแวนตัน ระบุว่า “การเสี่ยงกำเนิดโรคมะเร็งปอดจากมลภาวะทางอากาศ มีน้อยกว่าการดูดบุหรี่ แต่ว่าเนื่องจากมนุษย์ควบคุมการหายใจของตนเองไม่ได้ แล้วก็ทั่วทั้งโลก ผู้คนอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยจากมลภาวะทางอากาศมากขึ้นกว่า การดมสารเคมีที่เป็นพิษจากควันของบุหรี่”
แล้วเกิดอะไรขึ้น?
นักวิจัยซึ่งปฏิบัติงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน หรือยูซีแอล ได้ค้นพบหลักฐานถึงแนวความคิดใหม่ถึงการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะในบุคคลที่ไม่ดูดบุหรี่ โดยระบุว่า ในความเป็นจริงแล้ว ความทรุดโทรมได้ฝังตัวอยู่ในดีเอ็นเอของเซลล์ ในขณะที่เราเติบโตแล้วก็แก่มากขึ้น
แต่ว่าจะต้องมีสิ่งที่มากระตุ้นความทรุดโทรมในดีเอ็นเอของเซลล์ก่อน มันถึงจะกลายเป็นเซลล์ของ มะเร็งปอด ได้
การค้นพบนี้ มาจากการวิเคราะห์ว่าทำไมบุคคลที่ไม่ดูดบุหรี่ถึงเป็นโรคโรคมะเร็งปอด แน่นอนว่า ต้นเหตุส่วนมากของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดมาจากการสูบยาสูบ แต่ว่าก็พบว่า 1 ใน 10 ของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดในสหราชอาณาจักร เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากมลภาวะทางอากาศ
ทีมงานนักวิจัยของสถาบันฟรานซิส คริก ให้ความใส่ใจกับอนุภาคฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 (PM 2.5) ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเส้นผมของคนเรา
แล้วก็เมื่อทำงานทดสอบในสัตว์แล้วก็มนุษย์โดยละเอียด พวกเขาพบว่า สถานที่ที่มีมลภาวะทางอากาศสูง จะพบผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดที่ไม่ได้มีต้นเหตุที่เกิดจากการสูบยาสูบ ในรูปร่างที่มากขึ้น
โดยเมื่อสูดฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 เข้าไปในร่างกาย จะทำการกระตุ้นให้หลั่ง “อินเทอร์ลิวคิน 1 เบตา” ออกมา เป็นการตอบสนองทางเคมี จนนำไปสู่อาการอักเสบ จนร่างกายจะต้องกระตุ้นเซลล์ในปอดให้เข้ามาซ่อมแซม
แต่เซลล์ปอดนั้น ทุกๆ600,000 เซลล์ ในบุคคลอายุราว 50 ปี จะมีอย่างน้อยหนึ่งเซลล์ ที่สุ่มเสี่ยงต่อการกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งปกติแล้ว ร่างกายจะกำเนิดเซลล์ที่สุ่มเสี่ยงนี้ เมื่อมนุษย์อายุมากขึ้น แต่เซลล์จะยังดูแข็งแรงอยู่ จนกระทั่งจะถูกกระตุ้นให้กลายพันธุ์
การค้นพบที่สำคัญยิ่งกว่าหมายถึงนักวิจัยสามารถยับยั้งการก่อมะเร็งในหนูที่ปล่อยให้พบเจออยู่ในสภาวะมลภาวะทางอากาศ ด้วยการใช้ตัวยาเพื่อยับยั้งการโต้ตอบทางเคมีดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ผลลัพธ์ก็เลยถือว่าเป็นการค้นพบครั้งใหญ่ 2 ครั้งซ้อนคือเพิ่มความเข้าใจถึงผลพวงของมลภาวะทางอากาศ แล้วก็แนวทางกำเนิดโรคมะเร็งในร่างกาย
ดร. เอมิเลีย ลิม หนึ่งในผู้ศึกษาวิจัย ซึ่งประจำอยู่ที่คริกแล้วก็ยูซีแอล ระบุว่า โดยธรรมดาแล้ว บุคคลที่ไม่เคยดูดบุหรี่เลย แต่กลับเป็นโรคโรคมะเร็งปอด มักจะไม่เคยรู้ถึงต้นเหตุ
“ด้วยเหตุนี้ การให้เบาะแสพวกเขาถึงต้นเหตุการเกิดโรคมะเร็ง ก็เลยเป็นเรื่องจำเป็นมาก” แล้วก็ “ยิ่งสำคัญมากขึ้น เมื่อประชากร 99% ในโลก ล้วนอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ระดับมลภาวะทางอากาศ สูงกำเนิดกว่าข้อเสนอขององค์การอนามัยโลก”
คิดเรื่องมะเร็งปอดเสียใหม่
ผลลัพธ์ของการทดลองนี้ ยังทำให้เห็นว่า การกลายพันธุ์ในเซลล์เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่ปัจจัยนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งเสมอ แต่อาจมีปัจจัยอื่นเสริมด้วย
ศ.จ. สแวนตัน ระบุว่า การค้นพบที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในห้องทดลองหมายถึง“แนวความคิดการเกิดเนื้องอกที่จะต้องหันกลับมาทบทวนเสียใหม่” แล้วก็นี่อาจนำไปสู่ “ยุคสมัยใหม่” ของการปกป้องโรคมะเร็งในระดับโมเลกุล เป็นต้นว่า แนวความคิดที่ว่าถ้าคุณอยู่ในสถานที่ที่มีมลภาวะทางอากาศสูง คุณอาจทานยาต้านทานโรคมะเร็งได้ เพื่อลดการเสี่ยง
ศ.จ. สแวนตัน บอกกับบีบีซีว่า เราอาจจะต้องพิจารณาถึงแนวทางที่ว่า การสูบยาสูบนำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ด้วยซ้ำ แล้วก็อันที่จริง แนวความคิดที่ว่า ดีเอ็นเอกลายพันธุ์นั้นไม่เพียงพอที่จะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคมะเร็ง เนื่องจากจะต้องมีปัจจัยอื่นกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเติบโต มีการนำเสนอมาตั้งแต่ปี 1947 แล้ว โดย ไอแซค เบเรนบลูม
อย่างไรก็ตาม มิเชลล์ มิตเชลล์ ผู้อำนวยการหน่วยงานวิจัยโรคมะเร็งแห่งสหราชอาณาจักร ย้ำว่า ปัจจุบัน “ยาสูบยังเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งปอด” แต่ “วิทยาศาสตร์ อาศัยการทำงานอย่างหนักหลายปี แล้วก็กำลังเปลี่ยนแนวความคิดว่าโรคมะเร็งเกิดขึ้นได้เช่นไร แล้วก็ช่วงนี้ เรามีความรู้และความเข้าใจถึงสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้กำเนิดโรคมะเร็งได้มากขึ้นแล้ว”
แล้วโรคมะเร็งปอดพบเห็นได้มากแค่ไหน ชมรมอเมริกันแคนเซอร์ ระบุว่า โรคมะเร็งปอดทั้งแบบชนิดเซลล์เล็ก แล้วก็ชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก เป็นโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดอันดับ 2 ในสหรัฐอเมริกา ในตอนที่ในผู้ชายนั้น โรคมะเร็งที่พบมากที่สุดคือมะเร็งต่อมลูกหมาก ส่วนหญิงนั้น จะเป็นโรคมะเร็งเต้านม
ทางชมรมประเมินว่า ปี 2022 พบผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดมากขึ้น 236,740 คน แล้วก็เสียชีวิต 130,180 คน โดยผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดส่วนมาก เป็นผู้สูงวัย 65 ปีขึ้นไป แต่ว่าก็ได้โอกาส แม้จะน้อยมากๆที่ประชาชนอายุ ชต่ำลงมากยิ่งกว่า 45 ปี จะเป็นโรคโรคมะเร็งปอด โดยอายุเฉลี่ยของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดอยู่ที่ 70 ปี
มะเร็งปอด ยังคิดเป็นสาเหตุการตายจากโรคมะเร็ง เกือบ 25% ของคนตายจากโรคมะเร็งทั้งหมด
สำหรับประเทศไทยนั้น นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคมะเร็งปอดเป็นโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดทั่วทั้งโลก สำหรับประเทศไทยโรคมะเร็งปอดถือเป็น 1 ใน 5 ของโรคมะเร็งที่พบได้ทั่วไป ซึ่งพบมากเป็นอันดับ 2 ในผู้ชาย แล้วก็อันดับ 5 ในผู้หญิง แต่ละปีจะมีผู้ป่วยรายใหม่โดยประมาณ 17,222 ราย เป็นเพศชาย 10,766 ราย แล้วก็ผู้หญิง 6,456 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีคนตายโดยประมาณ 14,586 ราย หรือคิดเป็น 40 รายต่อวัน
สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่สำคัญของโรคมะเร็งปอดคือการสูบยาสูบหรือการได้รับควันของบุหรี่มือสองแล้วก็การสัมผัสสารก่อโรคมะเร็ง เป็นต้นว่า ก๊าซเรดอน แร่ใยหิน รังสี ควันธูป ควันจากท่อไอเสีย แล้วก็มลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5